10 เอกสารขอสินเชื่อบ้านที่ควรเตรียมให้พร้อม – มือใหม่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ยื่นกู้ผ่านไว!
การมีบ้านเป็นของตัวเอง คือความฝันของใครหลายคน โดยเฉพาะเมื่อถึงจุดที่เรารู้สึกว่าอยากมีพื้นที่ส่วนตัว ปักหลักในชีวิต และสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว แต่ก่อนที่จะได้เป็นเจ้าของบ้านในฝัน การขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารคือด่านสำคัญที่ต้องผ่านให้ได้
หนึ่งในอุปสรรคที่พบบ่อยที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังยื่นขอสินเชื่อบ้านครั้งแรกคือ “การเตรียมเอกสารไม่ครบถ้วน” ซึ่งอาจฟังดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ความจริงแล้ว นี่คือปัจจัยหลักที่ทำให้กระบวนการขอสินเชื่อล่าช้า หรือแย่กว่านั้นคือถูกปฏิเสธจากธนาคาร
บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “10 เอกสารขอสินเชื่อบ้านที่ควรเตรียมให้พร้อม” โดยเรียงลำดับอย่างชัดเจน พร้อมคำแนะนำเพิ่มเติมที่ช่วยให้คุณจัดเอกสารได้ครบถ้วน ถูกต้อง และน่าเชื่อถือ เพื่อให้การยื่นกู้บ้านของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมีโอกาสผ่านสูงสุด
หากคุณยังไม่เคยอ่านบทความ 7 ขั้นตอนสำคัญในการซื้อบ้านหลังแรก เราขอแนะนำให้อ่านควบคู่กัน เพื่อให้เห็นภาพรวมของกระบวนการซื้อบ้านอย่างชัดเจน
เอกสารขอสินเชื่อบ้านคืออะไร ทำไมจึงสำคัญ?
เอกสารขอสินเชื่อบ้าน คือชุดเอกสารที่ธนาคารใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติวงเงินกู้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ ตรวจสอบสถานะทางการเงิน และยืนยันความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับผู้กู้และทรัพย์สินที่นำมาขอกู้
หากเอกสารไม่ครบ ไม่ชัดเจน หรือมีข้อผิดพลาด แม้คุณจะมีรายได้ดีหรือเครดิตดี ธนาคารก็อาจพิจารณาปฏิเสธได้
การเตรียมเอกสารให้ถูกต้องและครบถ้วนตั้งแต่แรกจึงเป็นสิ่งที่ผู้ยื่นกู้บ้านควรให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยให้ผ่านอนุมัติได้เร็วขึ้น ยังแสดงถึงความน่าเชื่อถือ ความเป็นระเบียบ และความพร้อมของผู้กู้ด้วย
รวม 10 เอกสารขอสินเชื่อบ้านที่ต้องเตรียมให้พร้อม
1. สำเนาบัตรประชาชน
เป็นเอกสารพื้นฐานที่ใช้แสดงตัวตนของผู้ยื่นกู้ ต้องถ่ายให้ชัดเจน เห็นเลขบัตรครบ และลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้องด้วยปากกาน้ำเงิน
- ควรใช้สำเนาล่าสุดไม่เกิน 3 เดือน
- ถ้ามีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ให้แนบใบเปลี่ยนชื่อด้วย
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
เอกสารแสดงที่อยู่ของผู้กู้ ใช้เพื่อยืนยันถิ่นที่อยู่ปัจจุบัน และเป็นหนึ่งในเอกสารที่ใช้ควบคู่กับบัตรประชาชน
- หากกู้ร่วม ต้องใช้ของคู่กู้ด้วย
- กรณีทะเบียนบ้านไม่ตรงกับที่อยู่จริง อาจแนบใบรับรองที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม
3. ทะเบียนสมรส / ทะเบียนหย่า (ถ้ามี)
สำหรับผู้ที่สมรส, หย่าร้าง หรือคู่สมรสเสียชีวิต ธนาคารต้องการเอกสารทางกฎหมายเพื่อประกอบการพิจารณาว่าใครมีสิทธิ์ในทรัพย์สินและภาระหนี้
- ถ้ากู้ร่วมกับคู่สมรส ต้องแนบทะเบียนสมรส
- ถ้าหย่า ต้องแนบใบหย่า + หนังสือแสดงการแบ่งทรัพย์สิน (ถ้ามี)
4. หนังสือรับรองเงินเดือน
ธนาคารจะใช้ดูว่าคุณมีรายได้มั่นคงแค่ไหน ควรออกโดยฝ่ายบุคคลของบริษัท ระบุเงินเดือน ตำแหน่ง และอายุงาน
- เอกสารต้องออกไม่เกิน 3 เดือน
- ควรมีลายเซ็นและตราประทับบริษัท
5. สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3–6 เดือน
ใช้แสดงรายได้ประจำของคุณย้อนหลังอย่างต่อเนื่อง และยืนยันว่าได้รับเงินจริงตามที่แจ้งไว้
- หากไม่มีสลิปเงินเดือน อาจใช้ Statement แทนได้บางกรณี
6. Statement บัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน
แสดงการเคลื่อนไหวทางการเงิน ยิ่งมียอดเงินเข้าออกต่อเนื่องยิ่งดี เป็นหลักฐานแสดงความสามารถในการบริหารการเงิน
- ใช้บัญชีที่เงินเดือนเข้าเป็นหลัก
- ถ้ามีบัญชีแยกไว้เก็บเงิน แนะนำแนบมาด้วย
7. ทะเบียนพาณิชย์ / หนังสือรับรองบริษัท (สำหรับเจ้าของกิจการ)
ใช้สำหรับผู้มีรายได้จากธุรกิจ เพื่อแสดงว่านิติบุคคลมีตัวตนจริง มีรายได้ และจดทะเบียนถูกต้อง
- แนบพร้อมกับเอกสารภาษีและบัญชีบริษัท
- ถ้าทำธุรกิจออนไลน์ ควรมีข้อมูลจากแพลตฟอร์มหรือรายงานยอดขาย
8. เอกสารเสียภาษี เช่น ภพ.30, ภงด.90/91 (6 เดือน – 1 ปี)
เอกสารนี้ช่วยแสดงรายได้ที่เสียภาษีจริง เป็นข้อมูลที่ธนาคารใช้ประเมินความมั่นคงทางการเงินของผู้กู้ที่ไม่มีเงินเดือนประจำ
- ธนาคารอาจขอสำเนาแบบแสดงภาษีจากกรมสรรพากร
9. สัญญาจะซื้อจะขาย / ใบจองบ้าน / ใบเสร็จจอง
ใช้แสดงรายละเอียดของทรัพย์สินที่คุณจะซื้อ รวมถึงราคาซื้อขาย และโครงการที่เกี่ยวข้อง
- หากซื้อกับโครงการ ควรขอแบบฟอร์มที่ธนาคารยอมรับ
- ถ้าซื้อบ้านมือสอง ควรแนบสำเนาโฉนดด้วย
10. สำเนาโฉนดที่ดิน / หนังสือกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน
เป็นหลักฐานกรรมสิทธิ์ของบ้านหรือที่ดินที่จะใช้ขอสินเชื่อ ใช้ประกอบการประเมินมูลค่าหลักประกัน
- ต้องมีเลขที่ดิน แผนที่ และราคาประเมินชัดเจน
- ถ้าขอกู้ปลูกบ้าน ต้องแนบใบอนุญาตก่อสร้างด้วย
เอกสารต่างกันไหมระหว่าง พนักงานประจำ กับ เจ้าของกิจการ?
ใช่ครับ เอกสารที่ใช้มีความแตกต่างกันพอสมควร โดยเฉพาะในส่วนของหลักฐานรายได้
พนักงานประจำ:
- สลิปเงินเดือน
- หนังสือรับรองเงินเดือน
- Statement บัญชีเงินเดือน
เจ้าของกิจการ / ฟรีแลนซ์:
- ทะเบียนพาณิชย์ หรือหนังสือรับรองบริษัท
- ภาษี ภพ.30 หรือ ภงด.90
- Statement บัญชีธุรกิจ และบัญชีส่วนตัว
เคล็ดลับ: หากคุณมีรายได้หลายทาง ควรแยกบัญชีรายรับ และใช้ Statement ที่สม่ำเสมอ มีเงินเข้าออกชัดเจน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: เอกสารไม่ครบ ธนาคารจะอนุมัติไหม?
A: ธนาคารอาจพิจารณาช้าลง หรือขอเอกสารเพิ่ม ถ้าเอกสารสำคัญขาด เช่น สลิปเงินเดือน หรือ Statement ก็มีโอกาสถูกปฏิเสธได้
Q: เอกสารต้องอัปเดตแค่ไหน?
A: เอกสารส่วนใหญ่ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน ควรออกภายใน 3 เดือน และ Statement ควรย้อนหลัง 6 เดือนล่าสุด
Q: เอกสารปลอมได้ไหม?
A: ห้ามเด็ดขาด! ถ้าใช้เอกสารปลอม ธนาคารจะระงับการพิจารณาและอาจดำเนินคดีทางกฎหมายได้
Q: สามารถขอเอกสารพวกนี้ได้ที่ไหน?
A: ส่วนใหญ่สามารถขอได้จากฝ่ายบุคคลของบริษัท, กรมที่ดิน, กรมสรรพากร หรือธนาคารที่ใช้บริการอยู่
เคล็ดลับการจัดเอกสารให้มืออาชีพ
- ใช้กระดาษ A4 ทุกแผ่น และถ่ายเอกสารให้ชัด
- ลงชื่อรับรองสำเนาทุกหน้า ด้วยปากกาน้ำเงิน
- จัดหมวดหมู่เป็นชุด เช่น: ส่วนตัว > รายได้ > ทรัพย์สิน
- ใช้แฟ้มใส่เอกสารแยกหมวดชัดเจน
- ถ่ายสำเนา 2 ชุด เผื่อสำหรับส่งและเก็บไว้ใช้เอง
สรุป
การเตรียมเอกสารขอสินเชื่อบ้านให้ครบถ้วน ไม่เพียงช่วยให้คุณมีโอกาสผ่านการอนุมัติเร็วขึ้น แต่ยังช่วยให้คุณประหยัดเวลา ลดความเครียด และไม่ต้องเสียรอบไปกลับกับธนาคารหลายครั้ง
หากคุณวางแผนจะซื้อบ้านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การเตรียมเอกสารล่วงหน้าคือการเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุด โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยผันผวนและมีการแข่งขันในการขอกู้
เอกสารอาจดูเยอะในตอนแรก แต่เมื่อคุณเข้าใจ และเตรียมไว้อย่างเป็นระบบ คุณจะรู้สึกมั่นใจและพร้อมมากขึ้นเมื่อต้องยื่นกู้กับธนาคารจริง
อย่าลืมว่า “เอกสารขอสินเชื่อบ้าน” ไม่ใช่แค่กระดาษ แต่คือกุญแจที่เปิดประตูไปสู่บ้านในฝันของคุณ
📌 อ่านต่อ: 7 ขั้นตอนสำคัญในการซื้อบ้านหลังแรก