หน้าหลัก บทความ ซื้อบ้านมือสอง เช็กลิสต์ตรวจบ้านมือสองก่อนซื้อ – ป้องกันปัญหาจุกจิกหลังเข้าอยู่ (รวม 24 จุดสำคัญ!)
เช็กลิสต์ตรวจบ้านมือสองก่อนซื้อ – ป้องกันปัญหาจุกจิกหลังเข้าอยู่ (รวม 24 จุดสำคัญ!)

เช็กลิสต์ตรวจบ้านมือสองก่อนซื้อ – ป้องกันปัญหาจุกจิกหลังเข้าอยู่ (รวม 24 จุดสำคัญ!)

ทำไมต้อง “ตรวจบ้านมือสอง” อย่างละเอียดก่อนซื้อ?

           ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านมือสอง อย่าลืมตรวจบ้านมือสองให้ละเอียดทุกจุด เพื่อป้องกันปัญหาจุกจิกหลังเข้าอยู่ บ้านมือสองอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าบ้านใหม่ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำเล, ราคา, หรือความพร้อมในการเข้าอยู่ทันที แต่ขณะเดียวกัน บ้านมือสองก็มี “ประวัติ” ที่ผู้ซื้อหน้าใหม่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น ปัญหาโครงสร้าง, ระบบไฟ, น้ำ หรือแม้กระทั่งปลวก

            จากข้อมูลของสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร (ปี 2566) ระบุว่า ผู้ซื้อบ้านมือสองในไทยกว่า 68% เจอปัญหาจุกจิกหลังเข้าอยู่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำรั่ว, หลังคาซึม, หรือท่ออุดตัน ซึ่งล้วนส่งผลให้เสียทั้งเงิน เสียเวลา และความรู้สึก

 

ดังนั้นการมี "เช็กลิสต์ตรวจบ้านมือสอง" ที่ละเอียดและเป็นระบบ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณ

✅ เลี่ยงปัญหาซ่อมแซม
✅ ต่อรองราคาบ้านได้อย่างยุติธรรม
✅ ซื้อบ้านได้อย่างมั่นใจ

24 จุดสำคัญที่ต้องเช็กก่อนซื้อบ้านมือสอง (พร้อมเคล็ดลับมืออาชีพ)

          Tip: พกไฟฉาย, ปากกา, และเช็กลิสต์กระดาษ หรือใช้แอปจดบันทึกก็ได้ เพื่อให้ไม่พลาดทุกจุดครับ

          บทความนี้รวม 24 จุดสำคัญที่คุณควรตรวจบ้านมือสอง ก่อนเซ็นสัญญาซื้อจริง

1. โครงสร้างโดยรวม

  • 🔍 สังเกตเสา คาน ผนัง ว่ามีรอยร้าวไหม โดยเฉพาะมุมล่าง-บนของผนัง
  • รอยร้าวแนวดิ่งอาจเป็นเรื่องของสี แต่ถ้าแนวเฉียงหรือแตกจากเสา = อันตราย
  • 💡 แนะนำให้ใช้ไม้เคาะเบา ๆ ถ้าเสียงกลวงอาจมีโพรงด้านใน

2. หลังคา

  • ดูกระเบื้องว่ามีการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแผ่นหรือไม่
  • มีคราบน้ำตรงเพดานชั้นบนหรือเปล่า?
  • 🛠 ถ้าเจอรอยเย็บ ซิลิโคนเก่า หรือการปิดด้วยผ้าปะ = เคยรั่วมาแล้ว

3. ผนังภายนอก–ภายใน

  • ใช้ไฟฉายส่องตามแนวพื้น–ผนัง หารอยร้าวหรือเชื้อรา
  • 💡 ฝาผนังบวมเล็ก ๆ = น้ำซึมจากผนังด้านนอกเข้ามา

4. พื้นบ้าน

  • 🔎 ตรวจสอบว่าพื้นบ้านมีการทรุดตัว ยุบ หรือปูไม่เรียบร้อยหรือไม่
  • บ้านไม้: ฟังเสียงขณะเดิน ถ้ามีเสียง “เอี๊ยดอ๊าด” หรือยุบแปลว่ามีปัญหาโครงสร้าง
  • พื้นกระเบื้อง: ถ้ามีเสียงกลวงเมื่อเคาะ อาจเกิดจากปูนใต้กระเบื้องหลุดหรือมีโพรงอากาศ
  • 💡 Tip: ใช้เหรียญเคาะฟังเสียง แล้วดูว่าเรียบหรือยุบตัวผิดปกติหรือไม่

5. เพดาน

  • 🔎 ตรวจหาคราบน้ำบนฝ้าเพดาน บวม หรือหลุดล่อน
  • จุดเสี่ยง: ใต้ห้องน้ำชั้นบน ห้องครัว มุมหลังคา
  • 💡 Tip: ถ้าฝ้ามีรอยสีเหลือง แสดงว่ามีการรั่วซึมสะสม ต้องตรวจหลังคาด้วย

6. ระบบไฟฟ้า

  • เช็กตู้เบรกเกอร์ เปิด-ปิดได้ปกติไหม? สวิตช์ไฟทุกจุดใช้งานได้หรือไม่?
  • 🔌 ปลั๊กไฟควรมีสายดิน (สามขา) และต้องไม่โยกเยก
  • 💡 Tip: ใช้เครื่องทดสอบปลั๊กไฟแบบพกพา (ราคา 100–200 บาท) จะเห็นปัญหาทันที

7. ระบบน้ำประปา

  • เปิดก๊อกน้ำทุกจุด เช็กแรงดันน้ำ สีน้ำ และกลิ่น
  • ท่อน้ำรั่ว = จะมีคราบน้ำหรือคราบสนิมที่วาล์วน้ำ
  • 💡 Tip: เปิดก๊อกแล้วฟังเสียงปั๊มน้ำ ถ้าดังผิดปกติอาจมีน้ำรั่วในระบบ

8. สุขภัณฑ์

  • โถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และฝักบัว มีรอยร้าวหรือไม่?
  • ลองกดน้ำหรือเปิดใช้งานจริงดูแรงดันและทิศทางน้ำ
  • 💡 Tip: ตรวจดูท่อน้ำทิ้งว่ามีการรั่วหรือไม่ โดยใช้กระดาษทิชชู่ซับใต้ท่อ 

9. ระบบระบายน้ำ

  • สังเกตว่ามีน้ำขังบริเวณหน้าบ้าน–หลังบ้านหรือไม่
  • ท่อระบายน้ำมีสิ่งอุดตันหรือกลิ่นเหม็นหรือไม่?
  • 💡 Tip: ใช้สายยางฉีดน้ำบริเวณทางลาด ถ้าน้ำระบายไม่ทัน = มีปัญหาการระบายน้ำ

10. หน้าต่างและประตู

  • บานพับหลวม? เปิดปิดติดขัด? วัสดุมีรอยสนิมหรือพองจากน้ำ?
  • 💡 Tip: ใช้ระดับน้ำวางบนขอบวงกบ ถ้าเอียง = มีการทรุดตัวของบ้าน

11. ระบบกันขโมย

  • ถ้ามีสัญญาณกันขโมยหรือกล้องวงจรปิด ต้องลองเปิดดูว่าใช้งานได้หรือไม่
  • บางบ้านติดไว้เฉย ๆ แต่ใช้งานไม่ได้
  • 💡 Tip: ขอรหัสควบคุมจากเจ้าของเดิม แล้วทดสอบทุกโซน

12. รั้วและประตูบ้าน

  • ตรวจโครงสร้างเหล็ก โครงไม้ รั้วปูนว่าเอียงหรือผุพังหรือไม่
  • ประตูรั้วเปิดปิดลื่นหรือฝืด?
  • 💡 Tip: ตรวจจุดหมุน-กลอนให้ครบ บางบ้านประตูรั้วฝืดมากเพราะรากต้นไม้ดัน

13. บริเวณรอบบ้าน

  • มองหาน้ำขัง หนู มด ปลวก หรือเศษวัสดุก่อสร้าง
  • จุดอับรอบบ้านอาจกลายเป็นแหล่งสัตว์มีพิษ
  • 💡 Tip: ลองเดินรอบบ้านตอนกลางวันเพื่อดูแดดส่องหรือจุดอับชื้น

14. สวนและต้นไม้

  • ต้นไม้ใหญ่รากอาจดันโครงสร้างหรือท่อระบายน้ำ
  • ต้นไม้ใบหนาแน่นเกินไปอาจทำให้บ้านชื้น
  • 💡 Tip: อย่าลืมตรวจด้านในต้นไม้ใหญ่ บางบ้านมีรังปลวกอยู่โคนต้นไม้!

15. ปั๊มน้ำและถังเก็บน้ำ

  • ดูว่ามีเสียงดังไหมเวลาเปิด
  • เช็กแรงดัน และดูว่าปั๊มน้ำตัดต่ออัตโนมัติได้หรือไม่
  • 💡 Tip: สังเกตน้ำหยดหรือคราบน้ำรอบตัวเครื่อง = สัญญาณน้ำรั่ว

16. เครื่องทำน้ำอุ่น

  • ลองเปิดดูว่าน้ำอุ่นเร็วไหม? มีไฟกระพริบผิดปกติไหม?
  • เช็กสายไฟว่าต่อกับกราวด์ถูกต้องหรือไม่
  • 💡 Tip: ถ้าเครื่องอายุมากกว่า 8 ปีควรเปลี่ยนใหม่

17. ถังบำบัดน้ำเสีย / ถังแซท

  • จุดนี้หลายคนมองข้าม! ต้องเข้าถึงได้ง่าย และไม่ถูกปิดฝาด้วยพื้นกระเบื้อง
  • 💡 Tip: สังเกตว่ามีกลิ่นหรือคราบน้ำซึมหรือไม่

18. แอร์และพัดลมดูดอากาศ

  • ลองเปิดดูว่าลมเย็นไหม เสียงดังผิดปกติหรือไม่
  • รีโมตใช้งานได้? หรือมีแอร์เฉพาะชื่อในโบรชัวร์เท่านั้น?
  • 💡 Tip: ดูเบอร์แอร์บนเครื่อง แล้วค้นหาอายุการใช้งานในเน็ต

19. กลิ่นอับในบ้าน

  • เดินเข้าห้องต่าง ๆ แล้วลองใช้ “จมูก” เป็นตัวตรวจ
  • กลิ่นเหม็นอับหรือกลิ่นรา = มีปัญหาความชื้น
  • 💡 Tip: เปิดตู้เสื้อผ้า/ตู้ครัวดูเลย! กลิ่นอับมักซ่อนอยู่ข้างใน

20. ฝ้าเพดาน

  • เหมือนข้อ 5 แต่ข้อนี้ให้ดูโครงฝ้าด้วย เช่น โครงลวดแขวน หลุดหรือเบี้ยว
  • ฝ้าร้าว = มีโอกาสหลังคารั่ว หรือโครงสร้างขยับ
  • 💡 Tip: ถ้าเจอฝ้าเป็น “หยักคลื่น” แสดงว่าอาจเคยถูกรื้อหรือเปลี่ยน

21. การเดินสายไฟ

  • สายไฟเก่า ฉนวนแตก? ลากสายพาดไว้ตามผนัง = ไม่ปลอดภัย
  • 💡 Tip: ถ้ามีสายไฟพันกันมั่ว ๆ = บ้านนี้ไฟไม่ได้เดินโดยช่างไฟมืออาชีพ

22. โรงรถ

  • พื้นต้องมีความลาดเอียงให้น้ำไหลออก
  • โครงเหล็กหลังคาโรงรถมีสนิมไหม? กระจกแตกร้าว?
  • 💡 Tip: เวลากลางวัน ลองยืนใต้โครงหลังคาดูเงาแดด สังเกตโครงที่คดงอ

23. ปลวก มด แมลง

  • จุดสำคัญ: รอยขี้ปลวก, ทางเดินปลวก, และเสียงโพรงในไม้
  • ดูใต้บัวผนัง มุมพื้น และห้องครัว
  • 💡 Tip: ใช้ไขควงเคาะไม้ ถ้าเสียง “กลวง” = น่าจะมีโพรงหรือปลวก

24. เอกสารบ้าน / ประวัติการซ่อม

  • ขอเอกสารแนบ เช่น ใบเสร็จซ่อมแซม, แบบบ้านเดิม, หรือรายงานตรวจบ้านเดิม (ถ้ามี)
  • ตรวจโฉนดว่าเป็นชื่อเจ้าของปัจจุบัน และไม่มีภาระผูกพัน (จำนอง)
  • 💡 Tip: ตรวจโฉนดได้ที่กรมที่ดิน หรือขอสำเนาไว้เช็กเบื้องต้นก่อนตัดสินใจ

เปรียบเทียบ: ตรวจบ้านเอง vs จ้าง Home Inspector

รายละเอียด ตรวจเอง                    จ้างผู้ตรวจบ้าน (มืออาชีพ)
ค่าใช้จ่าย                                ฟรี                       2,500 – 5,000 บาท/หลัง
ความแม่นยำพอใช้ (ถ้ามีเช็กลิสต์)                       สูงมาก ตรวจละเอียดทุกจุด
เวลาในการตรวจ1–2 ชม.                        3–5 ชม. พร้อมรายงานครบถ้วน
เหมาะกับใคร?ผู้ซื้อที่มีพื้นฐานความรู้                       ผู้ซื้อมือใหม่, บ้านเก่า 10+ ปี

📌 แนะนำให้ใช้ผู้เชี่ยวชาญในบ้านราคาสูงเกิน 3 ล้านบาท หรือบ้านที่อายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป

เทคนิคต่อรองราคาบ้านมือสอง ถ้าเจอปัญหา

  • 🔧 เจอหลังคารั่ว: ใช้ใบเสนอราคาช่างมาแนบ และเสนอให้ลดราคาเท่าค่าซ่อม (เช่น 15,000 บาท)
  • 🛠 เจอปลวก: เสนอให้เจ้าของบ้านเรียกบริการกำจัดก่อน หรือหักค่ากำจัดออกจากราคาขาย
  • 📉 เคล็ดลับ: อย่าบอกว่า “บ้านมีปัญหาเยอะ” แต่ให้พูดว่า “เพื่อให้ราคาสมเหตุสมผลตามสภาพบ้าน”

Q&A ที่พบบ่อย

Q1: ถ้าบ้านมีรอยร้าวเล็ก ๆ บนผนัง ควรกังวลไหม?

A: ถ้าเป็นรอยเส้นผมแนวดิ่งหรือแนวฉาบปูน = ปกติ แต่ถ้าเป็นรอยลึก + กว้าง > 3 มม. ควรตรวจโครงสร้างเพิ่ม

Q2: บ้านมือสองอายุเท่าไรถึงควรหลีกเลี่ยง?

A: บ้านอายุเกิน 30 ปีที่ไม่เคยปรับปรุง อาจมีปัญหาระบบไฟ–น้ำ–โครงสร้าง ต้องตรวจอย่างละเอียดมาก

Q3: จำเป็นต้องตรวจปลวกทุกบ้านไหม?

A: บ้านไม้ หรือบ้านที่เคยมีประวัติปัญหาแนะนำให้ใช้บริการตรวจปลวกโดยเฉพาะ (ค่าใช้จ่าย 800–2,000 บาท)

สรุป: เช็กบ้านให้ครบก่อนซื้อ ปลอดภัยกว่าแน่นอน

            บ้านมือสองคือโอกาสดีในการได้ทำเล ราคาถูก และเข้าอยู่ไว แต่ถ้าไม่ตรวจสอบให้ดี 
ก็อาจกลายเป็น “ฝันร้ายหลังโอนกรรมสิทธิ์” เพราะฉะนั้น อย่ามองข้ามจุดเล็ก ๆ ที่สำคัญเหล่านี้
และถ้าไม่มั่นใจ ให้จ้างผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจให้การเตรียมพร้อมวันนี้ คือการลงทุนความสบายใจในอนาคตครับ

สอบถาม/ฝากขาย/หาบ้าน

Please enter your full name.
This field is required.
Provide the best contact number.
This field is required.
Enter your LINE ID for better communication.
This field is required.
Enter the subject or header of your message.
This field is required.
Type your message here.
This field is required.

ค้นหาบ้านที่ใช่สำหรับคุณ
ตัวช่วยด้านอสังหาริมทรัพย์ที่คุณไว้วางใจ ไม่ว่าจะซื้อ เช่า หรือลงทุน บริการด้วยความจริงใจ พร้อมให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนของการซื้อขายบ้านและคอนโดในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ

Bangkok, Thailand

ติดตามเราได้ที่

©2024 Find Houzez. All rights reserved.
Send this to a friend